Pages

Pages - Menu

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

**บทความเกี่ยวกับเพื่อน

****บทความเกี่ยวกับเพื่อน****

เพื่อน.....................
สำหรับปุ้ยแล้ว คำนี้สำคัญมากเลยน่ะ
ลองไปดูบทความที่ปุ้ยนำมาแบ่งปันกันดูเลยดีกว่าค่ะ


------------ถ้าไม่.. แล้วอะไรล่ะ

ที่ทำให้เรามาพบกับคนอีกหลายคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

ถ้าไม่.. แล้วอะไรล่ะ

ที่ทำให้เราถูกชะตาจนเรียกคนๆนั้นว่า “เพื่อน”

.......เพื่อน..... คนๆนึงที่ครั้งนึงก็เป็นได้แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง

เวลา ผ่าน เวลา คนแปลกหน้าคนนั้นก็กลับกลายมาเป็นคนที่เรา “ไว้ใจ”

.......เพื่อน..... คนที่พร้อมอยู่กับเราเสมอๆ

ไม่ว่า สุข ทุกข์ เหงา เศร้า

.......เพื่อน.....

คนที่พร้อมแชร์ความรู้สึกต่างๆโดยไม่เคยเอ่ยปากว่า

“ถ้าทำอย่างนั้นแล้วฉันจะได้อะไร ”

.......เพื่อน..... คนที่ไม่เคยสนใจว่าเราจะหน้าตาดี มีสกุล ร่ำรวย

ยากจน สูง ต่ำ ดำ ขาว หรือไม่

.......เพื่อน..... คนที่ไม่เคยเสแสร้ง แกล้งทำ

........แต่...... เพื่อนตาย หายากเหลือเกิน

เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ ว่า คนๆนี้เป็นเพื่อนตายของเราหรือไม่

เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่าคนๆนี้

เป็นคนที่พร้อมจะเคียงข้างเราเสมอไปมั้ย

เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่าคนๆนี้จริงใจกับเราแค่ไหน

ทั้งหมดนี้ เราใช้ “ ตา ” มองไม่เห็น

........แต่...... ทั้งหมดนี้เราใช้ “ ใจ ” มองเห็นได้

เมื่อบทความ ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ คุณล่ะ ?

ใช้ตามองเพื่อน หรือใช้ใจมองเพื่อน เราบอกไม่ได้ว่าคนๆไหนดี ไม่ดี

จนกว่า... เราจะมีโอกาส รู้จัก กับคนๆนั้น แล้วใช้ใจของเราสัมผัส

การคบใครสักคน คบเพียงกายก็ไร้ประโยชน์ แต่ การคบใครสักคน

จำเป็นต้องคบกันด้วย ใจ

วันนี้ คุณ ใช้อะไร คบเพื่อนของคุณ อย่าบอกนะ

ว่าคุณก็เป็นคนที่คบเพื่อนแค่ ตา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น

คุณก็คงเป็นคนที่ไม่น่าคบคนหนึ่ง



---------------------------------------------------------------------------


รอยจารึก .........เพื่อนสนิทสองคนเดินทางท่องเที่ยวร่วมกัน
ระหว่างยํ่าเท้าผ่านทะเลทราย
ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรงจนเพื่อนคนหนึ่งโมโหมาก
ตบหน้าเพื่อนอีกคน ผู้ถูกตบหน้าเจ็บปวดทั้งกายและใจ
เขาไม่พูดอะไรเลย ขณะที่เขียนข้อความหนึ่งลงบนทราย
"วันนี้...เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตบหน้าฉัน"
......ทั้งคู่เดินทางต่อไป เมื่อพบโอเอซิสแห่งหนึ่งจึงตัดสินใจอาบนํ้า
เพื่อนคนที่ถูกตบหน้าพลัดตกนํ้าและจมลงเรื่อยๆ
อีกคนจึงรีบช่วยเพื่อนให้พ้นความตาย เมื่อหายตกใจแล้ว
คนจมนํ้าก็เขียนข้อความลงบนก้อนหิน
"วันนี้...เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันช่วยชีวิตฉันไว้"
เมื่อเพื่อนถาม เพื่อนก็ยิ้มแล้วตอบว่า
"เมื่อเพื่อนทำร้ายเรา เราจะบันทึกไว้บนผืนทราย
เพื่อให้สายลมแห่งการให้อภัยลบความเจ็บปวดนั้นทิ้งไป
และเมื่อเพื่อนทำในสิ่งประเสริฐสุดให้
เราจะจารึกไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ
ซึ่งลมพายุไม่สามารถลบมันออกได้..."

...เพราะ.....".เพื่อนแท้มิได้หาง่ายๆเหมือนแฟน " ว่ามะ?


-----------------------------------------------------------------------------

นิยามของคำว่าเพื่อน ไหล่ของฉัน มันไม่ได้มีความหมายเพียงเพื่อประคองหัวฉันไว้คนเดียวเท่านั้น แต่สามารถใช้มันเพื่อให้เพื่อนไว้พิงได้ด้วย
เสื้อของฉัน ไม่ได้มีไว้ห่อหุ้มร่างกายของฉันเพียงอย่างเดียว มันพร้อมจะเป็นที่เช็ดน้ำตา และสั่งขี้มูกของเพื่อน ถ้าต้องการ
แขนของฉัน ไม่ได้มีไว้จูงหมาเดินเล่น แต่มันสามารถใช้ประคองเพื่อนเมื่อเพื่อนจะล้ม.... แต่ถ้าเพื่อนล้มลงแล้ว ฉันก็ยังมีมืออีก 1 คู่ไว้ช่วยฉุดเพื่อนขึ้นมา
ปากของฉัน ไม่ได้มีไว้เพื่อกิน และพูดพล่ามทั้งวันหรอกนะ แต่มีไว้พูดให้กำลังใจเพื่อน เมื่อถึงคราวจำเป็น
ตาของฉัน มีไว้เพียงเพื่อกระพริบขึ้นลงเสียเมื่อไหร่ ฉันเอาไว้ใช้มันมองสิ่งดีๆ ในตัวเพื่อนต่างหาก
ฟันของฉัน ก็ไม่ได้มีไว้กัดใครๆเขา แต่มีไว้เพื่อจะใช้มันประดับเหงือกทุกครั้งที่ฉันยิ้มให้เพื่อน
หูของฉันไม่ได้มีไว้เพื่อเจาะรูหูแขวนเครื่องประดับ แต่มันใช้ฟังเพื่อน เมื่อเพื่อนต้องการระบายอะไรออกมาให้ฉันฟัง
เท่าของฉัน ไม่ได้มีไว้เพื่อสะสมกลิ่น.. โอเคถึงมันจะมีบ้าง แต่ฉันจะใช้เท้าเพื่อเดินอยู่ข้างๆ เพื่อนนี่แหละ จะไม่ไปไหนไกล
สมองของฉัน อาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์เวลาสอบนัก แต่มันจะทำงานหนักเพื่อเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ
ส่วนพวกตับ ไต ไส้ กระเพาะ ม้าม เซี่ยงจี๊ ของฉัน .... มันมีไว้ทำหน้าที่ของมันน่ะแหละ
แต่ถ้าเพื่อนต้องการมันอย่างเร่งด่วน ฉันยินดีสละให้ (อย่างละครึ่งเท่านั้นนะ !!)
และหัวใจของฉัน ก็ไม่ได้มีไว้สูบฉีดเลือดเพียงอย่างเดียว แต่มันทำหน้าที่เก็บเพื่อนไว้ข้างในอีกด้วย...



-----------------------------------------------------------------------------

ทิฐิเพียงคำเดียว ....คุณเคยใช้คำพูดที่พูดออกไปด้วยอารมณ์ ความคะนอง
แต่แล้วคำพูดที่พูดออกไป ทำร้ายความรู้สึกดีๆของอีกฝ่าย
ผู้ฟังฟังแล้วเสียความรู้สึกดีๆไป....

.......จะเป็นด้วยความตั้งใจที่จะพูดออกไปหรือไม่ก็ตามแต่
สุดท้ายคนที่รับฟังประโยคเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินอย่างนั้น

........คุณอาจจะรู้สึกดีที่ได้พูดอย่างนั้นออกไป ได้ระบายความรู้สึก
แต่ภายหลัง...คุณกลับมานั่งขบคิดในสิ่งที่คุณทำลงไป
คุณกำลังทำลายความรู้สึกดีๆระหว่างกันลงไป
คุณเริ่มรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไป

........คำพูดที่หลุดออกจากปากไปแล้ว
มันคืออดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย
มีแต่สติเท่านั้นที่ควบคุมคำพูดที่จะออกจากปากไม่ให้พลั้งเผลอพูดในสิ่งไม
่สมควร เพียงแต่เราขาดสติควบคุม
คำพูดที่หลุดออกไปก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งทัน
ที

........บางครั้งคุณอยากจะเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษในสิ่งที่คุณกล่าวซึ่งทำร้าย
ความรู้สึก ดีๆของอีกฝ่าย
เพียงแต่คุณไม่กล้า คุณมีทิฐิ
คุณเป็นฝ่ายลังเลที่จะกล่าว อยากให้อีกฝ่ายยกโทษให้คุณ แต่ในใจคุณ
ความมีทิฐิ กลัวเสียหน้า
ข่มความกล้าที่จะทำให้คุณเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน
คุณกลับรอเวลาให้ผ่านไปด้วยหวังว่าเวลาที่ผ่านไป...ทุกอย่างก็จะดีเอง

.......คุณเคยคิดบ้างไหมว่า
เวลาที่ผ่านไปยิ่งทำให้ทุกอย่างไม่ดีขึ้นเลย อีกฝ่ายที่รับฟังคำพูดของคุณ
ถึงแม้ว่าคำพูดที่ผ่านไปมันกลายเป็นอดีต
แต่ความรู้สึกมันยังคงค้างอยู่ในใจ

.......ถ้าทิฐิมันทำลายความรู้สึกที่ดีระหว่างกัน
มีประโยชน์อะไรที่คุณจะถือทิฐิเอาไว้กับตัว คุณควรจะปล่อยทิฐิตรงนั้นไป
การกล่าวขอโทษ
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และยากในยามที่ความรู้สึกดีๆระหว่างกันเกิดร
อยร้าวขึ้น

ความรู้สึกดีๆจะกลับมาก็เพียงแต่คุณกล้าที่จะเริ่มต้นกล่าวคำขอโทษออกไป

.......ถามใจตัวคุณเองว่า
คุณยังให้ความสำคัญกับคนๆนั้นอยู่ไหม
ไม่ต้องกลัวเสียหน้าถ้าคุณจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน หลังจากกล่าวออกไป
คุณจะรู้สึกว่าจิตใจคุณบางเบา
อีกฝ่ายคงรู้สึกดีที่ได้ยินอย่างนั้นและยินดีจะให้อภัยคุณ

......ผมเคยมีทิฐิและไม่ยอมที่จะลดละความมีทิฐิ
สุดท้ายผมพบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น
แล้วกลับมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแทน

......ถ้าความรักหมายถึง การไม่โกรธ และให้อภัย
คนที่คุณรักเขาคงยินดีและไม่โกรธเมื่อได้ยินคำขอโทษจากคุณ
และเขาก็ยินดีที่จะให้อภัยคุณตราบเท่าที่เขายังรักคุณอยู่


-----------------------------------------------------------------------------


เพื่อนที่คบอยู่เป็นแบบไหน เราได้คลาสสิกฟายประเภทของเพื่อนหลักๆลองดูครับว่าคุณมีเพื่อนแบบไหน?
1. เพื่อนแท้ (Real Friends) : เรียล เฟรนด์ หรือจะเรียกว่า ออริจินอล เฟรนด์ ก็ได้ครับ เพื่อนประเภทนี้จะอยู่กับคุณไปจนวันตาย เพื่อนแบบนี้หายากครับ ยากมากๆ บางที ขุดหาทองถ้ำลิเจีย ยังหาง่ายกว่าเลย .. ฉะนั้นผมขอผ่านครับ แบบนี้ไม่มีทางมีในโลก ... แต่สำหรับไอ้ใครที่จู่ๆ มีเพื่อนมาบอกว่า "ผมเป็นเพื่อนแท้ของคุณนะ" ... ขอให้สันนิษฐานครับ (โดย เฉพาะเพศเดียวกัน) เขากำลังมองประตูหลังคุณอยู่แน่นอน ..
2. เพื่อนซี้ (Cee Friends) : เพื่อนแบบนี้ ส่วนมาก จะเป็นเพศเดียวกันครับ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม จอร์จ ที่สุดแล้วครับ มีอะไรเราคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียน ซึ่งกันและกัน ปรับทุกข์กันได้ แถมบางทีโกรธกันจนขนาดต้อง ชกกันก็มีครับ แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้ ไม่หยิ่ง ไม่เรื่องมาก ไม่ขี้งอน ถือว่าเยี่ยมครับ !!! ครบทุกรสชาติ สุขทุกข์ ดีชั่ว ต้องแบบนี้ครับ เพื่อนซี้ ...
3. เพื่อนสนิท (Endorphin) : เพื่อนประเภทนี้ ส่วนใหญ่ใช้กับเพศตรงข้ามมากกว่า และที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่บอกว่าเป็น "เพื่อนสนิท" มักที่จะใช้พูดแก้ตัวกับคนอื่น ทั้งๆ ที่ความจริงนะมันคือแฟนกันแล้ว แต่ก็ไปบอกชาวบ้านว่า เป็นแค่เพื่อนสนิท หรืออีกนัยหนึ่ง เพื่อนสนิทก็ยังเป็นคำพูดที่ใช้กันมานาน และยังคงอินเทรน ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เพราะมันเป็นคำพูดปฏิเสธรักแบบอ้อมๆ ละครับ ฉะนั้น ใครที่โดนแบบนี้ ใส่เกียร์ถอยหลังตอนนี้ ยังไม่สายครับ ..
4. เพื่อนร่วมงาน (Cooperative Friends) : เพื่อนร่วมงาน เป็นเพื่อนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เพื่อนประเภทนี้อาจจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ แต่มีอะไรคุยกันได้ครับ เจอกันคุยกันเรื่องงานอย่างเดียว อาจจะมีการถามสารทุกข์สุกดิบกันบ้าง นิดๆ หน่อยๆ พอหอมปากหอมคอ แต่ส่วนมากก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันครับ โดยรวมแล้วถือได้ว่าดีใช้ได้ทีเดียวครับ ...
5. เพื่อนผิวเผิน (Surface Friends) : แน่นอนครับ เพื่อนประเภทนี้ เชื่อว่าทุกคนมีเยอะมากๆ เพื่อนประเภทนี้มักจะเจอตอนช่วงโมงเร่งด่วน (Rush Hour) เช่นรีบไปเรียน รีบไปทำงาน รีบไปขึ้นรถ หรือว่า เค้าแกล้งรีบ (เพราะไม่อยากเจอคุณ) อะไรประมาณนี้ เจอกันมักจะเจออยู่ 2 คำถาม ครับว่า "ไปไหน ??" ถ้าอยู่มหาลัยก็จะถามว่า "เรียนอารายย ??" ประมาณนี้ครับ ...
6. เพื่อนรับประทาน (Eating Friends) : เพื่อนแบบนี้ ก็เป็นเพื่อนที่เวลาคุณไปไหน เค้าจะไปด้วยกับคุณเสมอไม่ว่า คุณจะชวนไปกินข้าว ชวนไปเที่ยว ชวนไปดูหนัง เขามักจะไม่ค่อยปฏิเสธคำเชิญของคุณครับ แต่เขามักจะมี คำพูดพ่วงท้ายหลังคำถามของท่านมาว่า "เลี้ยงป่าว" เสมอครับ ...
7. เพื่อนกล้วย (Banana Friends) : เพื่อนประเภทนี้เรียกได้ว่าเข้าขั้นสุดครับ นอกจากจะเป็นเพื่อนรับประทานแล้ว ยังเป็นเพื่อนที่จะคอยข่มขู่ท่านให้รู้สึกหวาดกลัว ในบางสิ่งบางอย่าง จนคุณอาจจะต้องทำสิ่งที่เค้าต้องการให้คุณทำครับ แน่นอนครับ เพื่อนแบบนี้คงจะไม่มีใคร อยากมีแน่ๆ แต่ในเมื่อถ้ามันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องทนต่อไปละครับ ...
8. เพื่อนตาย (Dead Friends) : ก็ไปงานศพเค้าสิครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น